เราทุกคนอย่างน้อยๆต้องรู้จักใครสักคนที่เรารู้สึกว่าเขาเป็นคนที่มีเสน่ห์มากๆ ไม่ว่าจะไปที่ไหนหรือพูดอะไรก็มีแต่คนชอบ
และเราก็ได้แต่คิดว่าคนเหล่านั้นเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์พิเศษ และเราคงจะไม่มีทางมีเสน่ห์แบบเขาได้แน่ๆ
งานวิจัยของ Vanessa Van Edwards ที่ได้ศึกษาภาษากายของบุคคลที่คนรอบข้างต่างยอมรับว่าเป็นคนมีเสน่ห์มากๆ ได้พบว่าจริงๆแล้วคนเหล่านี้มีอะไรที่คล้ายๆกันอยู่ โดยสามารถสรุปสั้นๆออกมาเป็นนิสัย 5 ข้อหลักๆที่คนที่เป็นที่รักของคนรอบตัวเขามีกัน
1. Embrace imperfections
นิสัยข้อแรกที่คนมีเสน่ห์มีเหมือนๆกันก็คือ พวกเขาไม่ได้พยายามทำตัวสมบูรณ์แบบหรือ Perfect ตลอดเวลา ในทางตรงกันข้าม เขายอมรับว่าตัวเองก็เป็นเพียงคนๆหนึ่งที่อาจจะทำพลาดได้บ้าง และไม่ต้องทำอะไรดีเลิศเสมอไป
ในเรื่องนี้มีกรณีศึกษาอยู่ตอนหนึ่งในรายการขายสินค้าในโทรทัศน์ที่ให้ดาราหญิงสองคนมาขายเครื่องปั่นน้ำผลไม้ ดาราคนแรกปรากฎว่าทำน้ำผลไม้หกระหว่างการสาธิต ในขณะที่อีกคนทำตามสคริปต์ทุกอย่างไม่มีข้อผิดพลาด ผลก็คือดาราคนที่ทำน้ำผลไม้หกสามารถขายเครื่องปั่นน้ำผลไม้ได้มากกว่า และผู้ชมก็ยังชอบเธอมากกว่าอีกด้วย
สิ่งที่อธิบายเรื่องนี้ก็คือ คนเราตามธรรมชาติมักจะเห็นอกเห็นใจ เข้าใจและชอบคนที่มีอะไรเหมือนๆกับเรา ซึ่งแน่นอนว่าเราต่างมีข้อผิดพลาดและเคยทำอะไรหกหล่นในครัวบ้างอยู่แล้ว จึงทำให้รู้สึกว่า เออ นี่พวกเดียวกัน เก็ตกัน เป็นมนุษย์บ้านๆเหมือนกับเราๆนี่แหละ ก็เลยทำให้เราชอบคนที่ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง เพราะตัวเราเองลึกๆแล้วก็รู้ว่าเราไม่ได้สมบูรณ์แบบ
2. Don't be a conversational narcissist
อย่ามัวแต่พูดเรื่องของตัวเอง คนที่มีเสน่ห์ส่วนใหญ่จะสนใจฟังเรื่องของคนอื่น และถามคำถามที่น่าสนใจกับคู่สนทนา เช่น วันนี้มีเรื่องอะไรสนุกๆเกิดขึ้นบ้าง เวลาว่างคุณชอบทำอะไร และทำไมถึงเป็นแบบนั้น คนที่มีเสน่ห์จะตั้งใจฟังเรื่องราวของคู่สนทนาจริงๆ ไม่ใช่คอยแต่คิดในหัวว่าเมื่อไรจะถึงคราวตัวเองพูดบ้าง และจะพูดอย่างไรให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าตัวเองฉลาด หรือดูดี
หากคุณเพิ่งเริ่มต้นที่จะเป็นคู่สนทนาที่มีเสน่ห์ในด้านนี้ ให้คุณลองสวมวิญญาณนักสืบที่กำลังเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพยาน หรือผู้ต้องสงสัยให้มากที่สุด อยากรู้จริงๆว่าทำไมเขาถึงทำสิ่งที่อยากทำ โดยที่ไม่ต้องสนใจว่าตัวเองจะพูดอะไรต่อ แต่ที่สำคัญคือควรจะทำอย่างพอดี อย่าไปถามเรื่องลบๆ ปมด้อย หรือประเด็นต้องห้ามอย่างศาสนา การเมือง หรือเรื่องอายุนะครับ
3. Don't gossip
อย่าเม้าส์ หรือนินทาคนอื่น!
มีผลวิจัยที่บ่งบอกพฤติกรรมของมนุษย์ข้อหนึ่งที่เรา อาจจะคิดหรือทำโดยไม่รู้ตัว นั่นก็คือเมื่อไรก็ตามที่เราได้ยินคนๆหนึ่งพูดเรื่องแย่ๆ หรือลบๆ เกี่ยวกับบุคคลหนึ่งขึ้นมา สมองเรามักจะเชื่อมโยงเรื่องลบๆนั่นกับผู้ที่พูดเสมอ
ยกตัวอย่างเช่น ทับทิมเล่าให้พลอยฟังว่า "ชั้นไม่ค่อยชอบพี่จอยเลย เพราะเป็นคนเห็นแก่ตัว ใจร้าย ชอบเอาเปรียบคนอื่น" ถึงแม้สิ่งที่พลอยได้ยินคือจอยเป็นคนใจร้ายเห็นแก่ตัว แต่สมองของพลอยได้เชื่อมโยงคุณลักษณะลบๆเหล่านั้นเข้ากับทับทิมซึ่งเป็นผู้พูดอย่างเสียไม่ได้
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราควรทำแทนที่จะนินทา หรือกล่าวร้ายผู้อื่น ก็คือการยกย่องหรือชมคนอื่นมากกว่า เพราะยิ่งชมมากแค่ไหนผู้ฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าผู้พูดคนนี้มีแต่พลังบวก เป็นคนดี และน่ายกย่องพอๆกับที่ผู้พูดยกย่องบุคคลที่สามนั่นเอง..แต่อย่าลืมว่าคำพูดยกย่องนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่มาจากใจ ไม่ใช่เสเเสร้งนะครับ
4. Use you hands
ผลวิจัยได้บอกว่าเวลาเราเจอใครครั้งแรก สิ่งที่เรามองก่อนเลยก็คือมือของคนๆนั้น นอกจากนี้หากคนๆนั้นซ่อนมือ หรือวางมืออยู่ในตำแหน่งที่เรามองไม่เห็น ก็จะทำให้สมองเราสงสัย หรือไม่ไว้วางใจคนๆนั้นอีกด้วย
เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรทำก็คือการใช้มือในการสื่อสารอย่างถูกต้อง โดยการยื่นมือออกมาด้านหน้าในขณะพูด เราอาจจะใช้ภาษามือได้ตามปกติ แต่อย่ากอดอก เอามือไขว่หลัง หรือล้างกระเป๋ากางเกง เพียงเท่านี้ก็จะทำให้คู่สนทนารู้สึกว่าเราเป็นคนที่น่าเชื่อถือมากขึ้น และชอบเรามากขึ้นอีกด้วย
5. Gaze deeply
เวลาคุยกับใคร ขอให้คุณสร้าง eye contact กับคู่สนทนาด้วย เพราะนอกจากจะแสดงถึงว่าคุณสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคุณจริงๆ ไม่ใช่มือถือหรือเรื่องรอบตัวต่างๆ แต่ผลวิจัยยังบอกอีกด้วยว่าการจ้องตาทำให้คนเราชอบอีกฝ่ายมากขึ้น
การจ้องตาที่ว่านี้ให้จ้องมองไปในนัยน์ตา ของคู่สนทนาพอให้รู้ว่าตาของเขาเป็นสีอะไร เป็นช่วงๆตามความพอดี ไม่ใช่จ้องตลอดเวลา เพราะอาจจะทำให้คู่สนทนากลัวได้ครับ
Comments