ไม่ว่าคุณเพิ่งจะเรียนจบ หรือกำลังอยากเปลี่ยนงานไปสายงานอื่นที่ไม่มีประสบการณ์ สิ่งที่ทุกคนจะต้องพบแน่ๆเลยก็คือปัญหาที่เรียกว่า “ไม่มีประสบการณ์”
ซึ่งแน่นอนว่าการจะมีประสบการณ์ในด้านใดด้านหนึ่ง เราก็ต้องมีได้โอกาสได้ทำงานนั้นก่อน แต่ถ้าไม่มีใครให้โอกาสเราทำงานเลย แล้วเราจะเอาประสบการณ์ที่ไหนไปสมัครงานละจริงไหม นี่ก็เลยกลายเป็นวงจรที่ทำให้เราหางานในตำแหน่ง หรือในอุตสาหกรรมที่เราต้องการไม่ได้สักที
ในวันนี้ Career Pug มี 5 ขั้นตอนที่จะช่วยให้คนที่ไม่มีประสบการณ์ หางานในฝันของตัวเองได้ มาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
1. ไม่มีประสบการณ์ทำงาน ไม่ได้แปลว่าไม่มีประสบการณ์
หลายๆคนเข้าใจว่าถ้าเราไม่มีประสบการณ์ สามปี ห้าปี ในการทำงานตามที่ในประกาศหางานระบุไว้ นั่นเท่ากับเราไม่มีประสบการณ์เลย ซึ่งนั่นไม่จริงเพราะว่าคุณสามารถเอาประสบการณ์อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับงาน เช่น การทำงานกลุ่ม การแข่งขันสมัยเรียน หรืออื่นๆมาใช้ในการสมัครงานได้ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังสมัครงานในตำแหน่งงานขายเครื่องจักร ซึ่งในประกาศระบุว่า ต้องการคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี กล้าแสดงออก มีความสามารถในการโน้มน้าวจิตใจคนอื่นได้ และมีความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมเครื่องจักร ในกรณีนี้คุณอาจลองนึกถึงประสบการณ์ต่างๆในชีวิตที่เกี่ยวข้องกับลักษณะที่บริษัทต้องการ และระบุลงไปในเรซูเม่ของคุณ เช่น มีประสบการณ์เป็นหัวหน้าชมรมโต้วาที เคยชนะรายการประกวดโต้วาทีสมัยเรียน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกล้าแสดงออก และยังสามารถโน้มน้าวจิตใจคนอื่นได้อีกด้วย
2. ใช้กฎของความน่าจะเป็น
คุณเคยใช่ไหม ที่ลองไล่เปิดประกาศรับสมัครงานต่างๆ แต่ละที่ก็ล้วนแต่ต้องการคนที่มีประสบการณ์ 1 ปีขึ้นไปบ้างล่ะ 3ปีขึ้นไปบ้างล่ะ และด้วยความที่คุณไม่มีประสบการณ์นั้นเลย คุณเลยยังไม่ได้สมัครไปสักงาน หรืออย่างมาก ก็สมัครไปเพียง 1-2งานเท่านั้น
สิ่งที่คุณไม่รู้ก็คือบริษัทส่วนใหญ่ไม่ได้เคร่งเครียด 100%เกี่ยวกับจำนวนปี หรือคุณลักษณะทุกอย่างตามที่เขาเขียนมาเป๊ะๆไปซะทุกอย่างหรอก เพราะฉะนั้นอยากให้คุณลองกดสมัครไปก่อนถึงแม้จะมีข้อใดข้อหนึ่งขาดตกบกพร่องไปบ้าง ขอเพียงให้บริษัทได้เห็นใบสมัครของคุณ และความสามารถที่คุณเขียนไปในเรซูเม่ เขาอาจจะสนใจในตัวคุณก็ได้
อีกข้อทีคุณควรรู้ก็คือ บางบริษัทอาจจะต้องการคนมาทำงานในตำแหน่งที่หาคนอยู่โดยเร่งด่วน เพื่อให้งานเดินต่อไปได้ เพราะฉะนั้นบริษัทเหล่านี้มีความเป็นไปได้ที่จะประนีประนอมกับอะไรที่ไม่ได้ถูกใจไปซะทุกอย่าง ซึ่งก็หมายความว่าคุณมีโอกาสมากขึ้นไปอีกนั่นเอง
เพราะฉะนั้น แทนที่จะสมัครแค่ 1-2 งาน อยากให้คุณลองตัดข้อจำกัดต่างๆ แล้วสมัครงานที่คุณสนใจไปยิ่งจำนวนมากยิ่งดี ลองสมมุติว่าอัตราในการที่บริษัทจะเรียกคนที่ไม่มีประสบการณ์มาสัมภาษณ์ในตำแหน่งที่ต้องการประสบการณ์มีอยู่ที่ 2 ใน 100 หากคุณสมัครงานไปเพียง 1 งาน โอกาสที่จะถูกเรียกนั้นแทบจะไม่มีอยู่เลย แต่หากคุณสมัครไป 100 ครั้ง อาจจะมีสัก 2 บริษัทที่มองเห็นคุณสัมบัติด้านอื่นๆของคุณที่น่าจะสร้างคุณค่าให้กับบริษัท และเรียกคุณไปสัมภาษณ์ได้
3. ถ้าไม่มีประสบการณ์ ก็สร้างมันขึ้นมาเลย
หากคุณไม่มีผลงาน หรือประสบการณ์ใดๆที่จะเล่าหรือแสดงให้นายจ้างเห็นว่าคุณก็มีความสามารถที่จะทำงาน ให้ลองวิธีนี้ คือสร้างผลงานขึ้นมาซะเองเลย แล้วใช้สิ่งนั้นแหละแทนประสบการณ์
ยกตัวอย่างเช่น คุณกำลังอยากสมัครงาน Marketing ของบริษัทแห่งหนึ่งที่ขายผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ถ้าคุณรู้ว่าคุณมีความสามารถพอที่จะทำงานด้านการตลาดให้กับบริษัทนี้เพียงแต่ไม่มีประสบการณ์ คุณก็ลองทำแผนการตลาด โดยการศึกษาคู่แข่ง วิเคราะห์สภาพแวดล้อมของตลาด แล้วเสนอออกมาเป็นแผนการดำเนินงานคร่าวๆที่คุณคิดว่าสามารถทำให้บริษัทเพิ่มผลกำไรขึ้นมาได้
ถึงแม้ว่าแผนนั้นอาจจะนำไปใช้จริงไม่ได้ แต่การที่คุณมีแผนไปนำเสนอกับบริษัท นั่นก็อาจทำให้นายจ้างเห็นคุณสมบัติในการวิเคราะห์ ความเข้าใจในตลาด และความพยายาม ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทต้องการ และสุดท้ายคุณก็อาจเป็นบุคคลที่บริษัทเลือกเข้ามาร่วมงานนั่นเอง
4. เสนอทำงานโดยไม่หวังรายได้ในช่วงแรก
หากคุณเชื่อว่าคุณมีของ หรือมีความสามารถจริงๆ ให้คุณลองวิธีนี้ดู ลองหาบริษัทขนาดกลางหรือเล็ก โดยเฉพาะบริษัท start up เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีโอกาสมากกว่าที่จะ flexible กับการตัดสินใจอะไรหลายๆอย่างเช่นการรับคนเข้าทำงาน แล้วให้คุณลองติดต่อบริษัทเหล่านั้น เล่าว่าคุณสนใจที่จะเข้าไปช่วยทำงานเพราะคุณมีความสามารถต่างๆอะไรก็ว่าไป แสดงความตั้งใจที่ทำงานและช่วยให้บริษัทดีขึ้น บอกนายจ้างของคุณไปว่าคุณยินดีที่จะทำงานโดยไม่รับค่าจ้างเป็นเวลา 1-3 เดือน เพื่อพิสูจน์ว่าคุณสามารถทำประโยชน์แก่บริษัทได้ และยินดีที่จะลาออกหากนายจ้างเห็นว่าคุณไม่สมควรที่จะทำงานนั้นต่อ
ขอกล้าการันตีได้เลยว่า หากคุณมีคุณสมบัติในการทำงานนั้นและตั้งใจทำงานจริงๆ คุณจะต้องทำงานนั้นได้ดีเทียบเท่า หรือแม้จะน้อยกว่า ก็น้อยกว่าไม่มากไปเสียกว่าคนที่มีประสบการณ์ และยิ่งคุณแสดงความตั้งใจและความพยายาม นายจ้างจะต้องเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจ และให้โอกาสคุณ
และลองคิดให้แง่ดี ถึงแม้คุณจะไม่ได้งาน แต่ทีนี้คุณก็มีประสบการณ์เพื่อที่จะเขียนเพิ่มเข้าไปในเรซูเม่ของคุณแล้วจริงไหม อีกอย่างคือแทนที่จะหางาน หรือว่างงานเปล่าๆ หลายๆเดือน คุณก็ไม่มีรายได้เหมือนกัน สู้มาว่างงาน แถมยังได้ประสบการณ์ และยังมีโอกาสได้งานด้วยไม่ดีกว่าหรอ
5. เชื่อในตัวเอง และคิดบวก
หลายคนมองข้ามข้อนี้ แต่พลังการคิดบวกสำคัญมาก ถ้าคุณมัวแต่ย้ำกับตัวเองว่าฉันไม่มีประสบการณ์ซ้ำๆ ใจคุณก็จะเชื่อว่าคุณไม่เหมาะสมกับตำแหน่งงานที่กำลังสมัคร เวลาไปสัมภาษณ์ก็จะไม่มีความมั่นใจ และคิดว่าตัวเองไม่มีคุณค่าพอสำหรับตำแหน่งนั้น
ขอให้ลองจินตนาการตัวเองว่ากำลังได้งาน หรือกำลังทำงานในฝันอยู่ พลังของจิตใจที่เป็นพลังบวกสุดท้ายแล้วจะมีส่วนเกื้อหนุนให้คุณเข้าใกล้กับงานในฝันของคุณแน่นอน
Comments